ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn วิจารณ์นักธุรกิจที่สนับสนุนทรัมป์อย่างรุนแรง… "กังวลว่าจะนำไปสู่การล่มสลายของหลักนิติธรรมในสหรัฐฯ"

ลีด ฮอฟแมน ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn (LinkedIn) ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อบรรดาผู้ประกอบการที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในคอลัมน์ที่เขาเขียนลงใน 'The Economist' เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮอฟแมนได้โต้แย้งว่ากฎหมายและระเบียบที่มั่นคงนั้นจำเป็นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และทรัมป์อาจเป็นภัยคุกคามต่อกฎหมายและระเบียบดังกล่าว เขาแสดงความกังวลว่าหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2567 ระบบกฎหมายที่เศรษฐกิจและธุรกิจของสหรัฐฯ พึ่งพาอาศัยอยู่อาจพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

ฮอฟแมนกล่าวหาว่าทรัมป์พยายามปลูกฝังความคิดให้ผู้สนับสนุนของเขาเชื่อว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้น 'ปกติและอยู่ภายใต้การควบคุม' และพยายามทำให้ผู้คนเชื่อว่าโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้นเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มากกว่าตัวเขาเอง อย่างไรก็ตาม เขาได้ชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้น การผลิตน้ำมันและก๊าซ การจ้างงาน และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่างก็มีแนวโน้มที่ดีภายใต้การบริหารของไบเดน และวิพากษ์วิจารณ์ว่าความคิดดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิด

ฮอฟแมนวิเคราะห์ว่าบรรดาผู้ประกอบการบางส่วนต้องการใช้ทรัมป์เป็นเครื่องมือในการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของระบบอำนาจแบบใหม่ หรืออาจกลัวการตอบโต้หากไม่แสดงความจงรักภักดีต่อทรัมป์ แต่เขาก็ยังได้เสนอแนะว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการอย่างแท้จริงคือการลดภาษีและการผ่อนปรนกฎระเบียบ และพวกเขาก็ยินดีที่จะแลกกับกฎหมายและระเบียบ รวมถึงประชาธิปไตย เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

จำนวนผู้ประกอบการที่สนับสนุนทรัมป์เพิ่มมากขึ้น บิล แอคแมน ซีอีโอของ Pershing Square Capital Management และเนลสัน เพลทซ์ มหาเศรษฐี ได้รับการรายงานว่ามีแนวโน้มที่จะลงคะแนนให้ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ สตีเฟน ชวาร์ตซ์แมน ซีอีโอของ Blackstone และดักลาส เลียน นักลงทุนในธุรกิจร่วมทุนต่างก็แสดงการสนับสนุนทรัมป์อยู่แล้ว และมีมหาเศรษฐีอีกกว่า 10 คนที่สนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์

อีลอน มัสก์ ไม่ได้แสดงการสนับสนุนทรัมป์อย่างชัดเจน แต่เขาก็ได้ออกมาปกป้องทรัมป์บน X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) และกล่าวว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะลงคะแนนให้ไบเดน ฮอฟแมนเตือนว่าการที่บรรดาผู้ประกอบการสนับสนุนทรัมป์นั้นเป็นการกระทำที่ 'มองการณ์ไกลไม่เพียงพอ' และอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและกฎหมายและระเบียบของสหรัฐฯ เขาเรียกร้องให้บรรดาผู้ประกอบการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม