
นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
อาวุธเลเซอร์: จะเปลี่ยนสมรภูมิรบได้หรือไม่? มองอนาคตจากความก้าวหน้าล่าสุดของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา
- ภาษาที่เขียน: ภาษาญี่ปุ่น
- •
-
ประเทศอ้างอิง: ทุกประเทศ
- •
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
เลือกภาษา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการจับตามองอาวุธเลเซอร์ในฐานะมาตรการป้องกันตัวใหม่ที่เข้ามาแทนที่ระบบยิงสกัดกั้นแบบเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิสราเอลและสหรัฐอเมริกากำลังทุ่มเทให้กับการพัฒนาอย่างเต็มที่ และความคืบหน้าในการนำไปใช้งานจริงก็กำลังเร่งตัวขึ้น
ระบบ "ไอออนบีม" ของอิสราเอล: ปัจจัยสำคัญในการลดต้นทุนและการป้องกันแบบหลายชั้น
อิสราเอลกำลังเดินหน้าพัฒนาอาวุธเลเซอร์กำลังสูง "ไอออนบีม" อย่างแข็งขัน ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Rafael Advanced Defense Systems ในปี 2022 ประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบเลเซอร์กำลังสูง และสามารถยิงสกัดกั้นโดรนและเครื่องยิงระเบิดได้
จุดเด่นที่สุดของไอออนบีมคือต้นทุนการใช้งานที่ต่ำ ระบบยิงสกัดกั้นขีปนาวุธแบบเดิมอย่าง "ไอออนโดม" มีอัตราการสกัดกั้นสูง แต่ต้นทุนต่อการยิงสูงถึงหลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไอออนบีมสามารถสร้างผลลัพธ์ในการสกัดกั้นได้ในระดับเดียวกันในราคาเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง ทำให้สามารถลดภาระทางเศรษฐกิจลงได้อย่างมาก
อิสราเอลมองว่าไอออนบีมเป็นส่วนเสริมของระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่แล้ว เช่น ไอออนโดม, แอโรว์ และดาบิดส์สลิง การทำงานร่วมกันของระบบเหล่านี้จะช่วยสร้างเครือข่ายป้องกันขีปนาวุธแบบหลายชั้น และเพิ่มความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ
อาวุธเลเซอร์ของกองทัพสหรัฐฯ: การนำไปใช้จริงและการพัฒนาต่อไป
สหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน กำลังเดินหน้าอย่างแข็งขันเพื่อนำอาวุธเลเซอร์มาใช้งานจริง ในปี 2023 กองทัพบกประกาศว่าได้นำอาวุธเลเซอร์พลังงานสูง "P-HEL" ไปประจำการในหน่วยทหารที่ประจำการอยู่ต่างประเทศ และประสบความสำเร็จในการป้องกันการโจมตีด้วยโดรน นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพสหรัฐฯ ยอมรับอย่างเปิดเผยถึงการนำอาวุธเลเซอร์ไปใช้งานจริง ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
P-HEL นั้นใช้ระบบอาวุธเลเซอร์ LOCUST กำลัง 20kW ที่พัฒนาโดยบริษัท BlueHalo เป็นพื้นฐาน และมีรายงานว่าได้ยิงโดรนของฝ่ายศัตรูตกในตะวันออกกลาง
นอกจาก P-HEL แล้ว กองทัพสหรัฐฯ ยังพัฒนาและนำระบบอาวุธเลเซอร์อื่นๆ มาใช้งานอีกมากมาย เช่น กองทัพอากาศมีระบบอาวุธเลเซอร์พลังงานสูงเพื่อป้องกันฐานทัพ กองทัพเรือมีระบบอาวุธเลเซอร์ขนาดกะทัดรัด และกองทัพเรือมีระบบอาวุธเลเซอร์ HELIOS กำลัง 60kW ที่ติดตั้งอยู่บนเรือพิฆาต
อาวุธเลเซอร์เหล่านี้ไม่ได้พัฒนาเพื่อรับมือกับโดรนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับมือกับภัยคุกคามขั้นสูงอื่นๆ เช่น ขีปนาวุธล่องเรือและขีปนาวุธนำวิถีด้วย
ความท้าทายและอนาคตของอาวุธเลเซอร์
อาวุธเลเซอร์มีข้อดีมากมายเมื่อเทียบกับระบบอาวุธแบบเดิม แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องเอาชนะ
1. ผลกระทบของสภาพอากาศ: แสงเลเซอร์นั้นไวต่อสภาพอากาศ เช่น ฝน หมอก และควัน ประสิทธิภาพอาจลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย
2. การเพิ่มกำลังและการจ่ายไฟ: การรับมือกับภัยคุกคามขั้นสูงจำเป็นต้องใช้เลเซอร์กำลังสูงขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบจ่ายไฟขนาดใหญ่และระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
3. การใช้งานและการบำรุงรักษา: อาวุธเลเซอร์เป็นระบบที่ซับซ้อน การใช้งานและการบำรุงรักษาจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงและความรู้เฉพาะทาง
การเอาชนะความท้าทายเหล่านี้จะทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของสนามรบได้อย่างมาก อาวุธเลเซอร์จะไม่เพียงแต่เป็นมาตรการรับมือกับการโจมตีของโดรนและขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังคาดว่าจะนำไปใช้ในด้านต่างๆ เช่น การคุ้มกันเครื่องบินรบและการป้องกันภัยทางอากาศของเรือรบ
ในอนาคต หากมีการพัฒนาเทคโนโลยีและอาวุธเลเซอร์มีความสามารถและใช้งานได้จริงมากขึ้น ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลยุทธ์ทางทหารและการพัฒนาอาวุธอย่างแน่นอน
ผลกระทบต่อญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเองก็กำลังทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์ และสำนักงานจัดหาอุปกรณ์ป้องกันกำลังเดินหน้าวิจัยระบบเลเซอร์กำลังสูงเพื่อนำไปใช้ในอนาคต
ท่ามกลางการเพิ่มกำลังทางทหารของประเทศเพื่อนบ้าน ญี่ปุ่นจำเป็นต้องพิจารณาการนำเทคโนโลยีป้องกันตัวใหม่ๆ เช่น อาวุธเลเซอร์มาใช้