ในช่วงไม่นานมานี้ เกาหลีใต้เผชิญกับปรากฏการณ์ความร้อนในเวลากลางคืนและคลื่นความร้อนที่ทำลายสถิติในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ความร้อนในเวลากลางคืนหมายถึงคืนที่มีอุณหภูมิต่ำสุดไม่ต่ำกว่า 25°C ในขณะที่คลื่นความร้อนหมายถึงวันที่อุณหภูมิสูงสุดไม่ต่ำกว่า 35°C ปรากฏการณ์นี้สามารถอธิบายได้จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน

จากข้อมูลของสำนักอุตุนิยมวิทยา จำนวนวันที่มีความร้อนในเวลากลางคืนเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 สำหรับกรุงโซลนั้น จำนวนวันที่มีความร้อนในเวลากลางคืนเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 2.4 วันในทศวรรษ 1970 เป็น 11.7 วันในทศวรรษ 2010 โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า โดยเฉพาะในปี 2559 และ 2561 กรุงโซลมีจำนวนวันที่มีความร้อนในเวลากลางคืนสูงถึง 31.6 วันและ 24.1 วัน ตามลำดับ ทำลายสถิติสูงสุดในอดีต

จำนวนวันที่มีคลื่นความร้อนก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จำนวนวันที่มีคลื่นความร้อนเฉลี่ยต่อปีในช่วงทศวรรษ 1960 อยู่ที่เพียง 1.1 วัน แต่ในทศวรรษ 2010 เพิ่มขึ้นเป็น 6.3 วัน ในปี 2561 เกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ทั่วประเทศ โดยกรุงโซลมีจำนวนวันที่มีคลื่นความร้อนถึง 16.6 วัน ขณะที่เมืองแทกูมีจำนวนวันที่มีคลื่นความร้อนสูงถึง 24.9 วัน

ปรากฏการณ์ความร้อนในเวลากลางคืนและคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมีผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพ รวมถึงความเสียหายต่อพืชผล ความไม่สมดุลของการจ่ายกระแสไฟฟ้า และด้านอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมแดดในผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อความร้อน สำนักอุตุนิยมวิทยาจึงได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติเมื่อคาดการณ์ว่า จะมีความร้อนในเวลากลางคืนและคลื่นความร้อน

คาดว่าปรากฏการณ์สภาพอากาศผิดปกติอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกควบคู่ไปกับการปรับตัวในระดับบุคคลและชุมชน