
นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
ญี่ปุ่นลดเงินฝากในตู้เซฟ 60 ล้านล้านเยน... การออกธนบัตรใหม่และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้เงิน 2 ล้านล้านเยนเคลื่อนไหว
- ภาษาที่เขียน: ภาษาเกาหลี
- •
-
ประเทศอ้างอิง: ประเทศญี่ปุ่น
- •
- เศรษฐกิจ
เลือกภาษา
พบว่า 'เงินฝากตู้เซฟ' ซึ่งเป็นปัญหาที่ญี่ปุ่นเผชิญมายาวนานกำลังลดลง ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและความกังวลเรื่องการเลี่ยงภาษี เบื้องหลังการลดลงของเงินฝากตู้เซฟนั้นคือธนบัตรใบใหม่ที่จะออกใช้ในวันที่ 3 กรกฎาคม
นายโคอิเคะ ริฮิโตะ นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัย SOMPO Plus กล่าวว่า "นับตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา เงินฝากตู้เซฟลดลงแล้วประมาณ 400,000 ล้านเยน และปัจจุบันคาดว่ามียอดเงินฝากตู้เซฟรวมอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านล้านเยน แม้ว่าการออกธนบัตรใบใหม่จะไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลในการถอนเงินฝากตู้เซฟ แต่ก็คาดว่ามีการลดเงินฝากตู้เซฟเนื่องจาก 'ความรู้สึกไม่สบายใจที่คลุมเครือว่าเงินสดที่ถืออยู่จะกลายเป็นธนบัตรรุ่นเก่า'"
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้แสดงกราฟเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนธนบัตรที่ออกใช้ (จำนวนธนบัตรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดทั้งหมด) เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยพิจารณาว่ากรณีที่ธนบัตรใบละ 10,000 เยนเพิ่มขึ้นมากกว่าธนบัตรใบละ 1,000 เยนเป็น 'เงินฝากตู้เซฟเพิ่มขึ้น' และกรณีที่น้อยกว่าเป็น 'เงินฝากตู้เซฟลดลง' พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยทั่วไปธนบัตรใบละ 1,000 เยนจะถูกใช้จ่ายไปเกือบทั้งหมด แต่ธนบัตรใบละ 10,000 เยนบางส่วนจะถูกถอนออกมาเพื่อ 'การออม' โดยใช้สมมติฐานเกี่ยวกับสัดส่วนนี้ จึงได้ประมาณการจำนวนเงินที่คิดว่าเป็น 'เงินฝากตู้เซฟ' โดยใช้การหักจำนวนธนบัตรใบละ 1,000 เยนที่เพิ่มขึ้นออกจากจำนวนธนบัตรใบละ 10,000 เยนที่เพิ่มขึ้น
นายโคอิเคะ กล่าวว่า "เมื่อครั้งที่ออกธนบัตรใบใหม่ครั้งก่อนในปี 2547 มีเงินฝากตู้เซฟลดลงประมาณ 1.3 ล้านล้านเยน และครั้งนี้คาดว่าจะลดลงมากกว่านั้นถึง 2 ล้านล้านเยนขึ้นไป เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่เกิดปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เงินฝากตู้เซฟลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ"
นายโคอิเคะ ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่ทำให้เงินฝากตู้เซฟลดลง ได้แก่ (1) การยกเลิกอัตราดอกเบี้ยติดลบของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้น และ (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การออกธนบัตรใบใหม่ และ (4) การนำระบบ NISA ใหม่มาใช้ สำหรับ (1) และ (2) นั้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มข้อเสียของเงินฝากตู้เซฟ จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม สำหรับระบบ NISA ใหม่นั้น นายโคอิเคะ กล่าวว่า "จากการสำรวจของคณะกรรมการส่งเสริมการเงินกลาง พบว่าครัวเรือนที่มีสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีสินทรัพย์ทางการเงินเฉลี่ย 17.58 ล้านเยน (มัธยฐาน 7.15 ล้านเยน) มีความเป็นไปได้ที่การเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนเงินฝากตู้เซฟไปเป็นการลงทุนจะเพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากระบบ NISA ใหม่ให้เต็มวงเงิน"