
นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
รัสเซียแต่งตั้งนักเศรษฐศาสตร์เป็นหัวหน้ากระทรวงกลาโหมในช่วงสงคราม เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
- ภาษาที่เขียน: ภาษาเกาหลี
- •
-
ประเทศอ้างอิง: ประเทศญี่ปุ่น
- •
- เศรษฐกิจ
เลือกภาษา
รัสเซียแสดงท่าทีเตรียมพร้อมรับมือกับสงครามระยะยาวหลังจากการรุกรานยูเครน โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ปลดเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งนายแอนดรีย์ เบลูโซฟ อดีตรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ซึ่งดูแลด้านเศรษฐกิจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เนื่องจากเป็นการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเข้ามาดูแลกระทรวงกลาโหมในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตการณ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เบลูโซฟ ไม่ใช่บุคคลากรทางทหาร แต่เป็นบุคคลจากภาคเอกชนที่มีประสบการณ์ทำงานด้านเศรษฐกิจมายาวนาน เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า และรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 มาก่อน และเคยมีส่วนร่วมในโครงการด้านการป้องกันประเทศ เช่น การปฏิรูปอุตสาหกรรมการทหารและการพัฒนาโดรน การแต่งตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเจตนาของประธานาธิบดีปูตินที่ต้องการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซียในการเตรียมพร้อมรับมือกับสงครามระยะยาว
เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ส่งผลให้งบประมาณด้านการป้องกันประเทศอาจลดลงด้วย ในสถานการณ์ที่สงครามยืดเยื้อ รัสเซียจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพและปรับปรุงระบบสนับสนุนด้านการทหาร รัฐบาลปูตินพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมการทหารให้ทันสมัยโดยหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร แต่ภายใต้การบริหารของชอยกู รัสเซียเผชิญกับความยากลำบากในการดำเนินสงคราม
บางฝ่ายคาดหวังว่าการเข้ามาบริหารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเบลูโซฟ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางทหารของกองทัพรัสเซีย เนื่องจากเบลูโซฟเคยเป็นผู้นำในการปฏิรูปอุตสาหกรรมการทหารและเน้นการพัฒนาอาวุธขั้นสูง เช่น โดรน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารกระทรวงกลาโหมเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์สงคราม
การปรับเปลี่ยนบุคลากรระดับสูงของกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ถือเป็นการแสดงเจตจำนงของรัฐบาลปูตินในการทำสงครามระยะยาวต่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารัสเซียเตรียมสร้างระบบการระดมทรัพยากรทั้งด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการทหารโดยยึดหลักการเผชิญหน้ากับชาติตะวันตก รัสเซียมีเป้าหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการทำสงครามอย่างต่อเนื่องผ่านความร่วมมือระหว่างเศรษฐกิจและกองทัพ
ในขณะเดียวกัน การที่ชอยกู อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัฐซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของประธานาธิบดีปูติน ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เชื่อว่ามาจากการที่ปาตรุเชฟ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัฐขอถอนตัวจากตำแหน่งหน้าที่ปฏิบัติการ ส่งผลให้ปูตินสามารถเสริมสร้างอำนาจของประธานาธิบดีในการควบคุมสถานการณ์สงครามได้อย่างเต็มรูปแบบ
คาดว่าการระดมทรัพยากรทั้งด้านบุคลากรและทรัพยากรของรัสเซียจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่สงครามในยูเครนยังคงยืดเยื้อ ยิ่งมาตรการคว่ำบาตรดำเนินอยู่นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่ฐานอำนาจของประธานาธิบดีปูตินจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มีการวิเคราะห์ว่าการปรับเปลี่ยนบุคลากรในกระทรวงกลาโหมครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับสงคราม