เชื่อมโยงเมืองหลักของญี่ปุ่น เปิดยุคแห่งชินคันเซ็นแบบแมกเลฟ - ศักยภาพการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจในยุคแมกเลฟ

เมื่อรถไฟชินคันเซ็นแบบเส้นตรง (Linear Shinkansen) เปิดให้บริการครบทุกเส้นทาง จะสามารถเชื่อมโยงระหว่างโตเกียวและโอซาก้าได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ส่งผลให้สังคมและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นโดยรวมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

รถไฟชินคันเซ็นแบบเส้นตรงมีความเร็วสูงสุดถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกือบเป็นสองเท่าของความเร็วสูงสุดของรถไฟชินคันเซ็นแบบเดิมที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยเหตุนี้ เวลาในการเดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้าจึงคาดว่าจะลดลงจากเดิม 2 ชั่วโมง 22 นาที เหลือเพียง 1 ชั่วโมง และเวลาในการเดินทางระหว่างเมืองสำคัญๆ อื่นๆ ก็คาดว่าจะลดลงอย่างมากเช่นกัน

จากโตเกียวไปนาโกย่าจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที ไปเกียวโตจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที และไปยังพื้นที่ห่างไกลอย่างฮิโรชิมาหรือเซนไดก็สามารถเดินทางได้ภายใน 2 ชั่วโมง รถไฟชินคันเซ็นแบบเส้นตรงจึงคาดว่าจะส่งผลให้ทั่วประเทศญี่ปุ่นกลายเป็น 'เขตพื้นที่ชีวิต' เดียวกัน

ส่งผลให้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องการเดินทางไปทำงานหรือการใช้เวลาว่าง ตัวอย่างเช่น ในวันธรรมดาจะทำงานที่โตเกียว แล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาวก็จะย้ายไปพักอาศัยที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด ซึ่งเรียกว่า 'การใช้ชีวิตแบบหลายศูนย์กลาง' ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน รถไฟชินคันเซ็นแบบเส้นตรงคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดแคลนทรัพยากรใต้ดินและพลังงาน แม้ว่าการก่อสร้างจะมีต้นทุนสูง แต่ก็คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์เนื่องจากเวลาในการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ลดลง นอกจากนี้ รถไฟชินคันเซ็นแบบเส้นตรงซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของโลกมาใช้ ยังคาดว่าจะเป็นสินค้าส่งออกใหม่ที่สามารถสร้างรายได้จากการขายให้กับต่างประเทศได้

เช่นนี้ รถไฟชินคันเซ็นแบบเส้นตรงจึงคาดว่าจะเป็น 'นวัตกรรม' ที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อสังคมและเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบ เช่น การทำลายสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างรถไฟชินคันเซ็น ดังนั้น รัฐบาลและบริษัทก่อสร้างจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับข้อกังวลเหล่านี้