
นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
ซูซูกิ ปิดโรงงานในไทยสิ้นปี 2568 เหตุยอดขายตกและเงินบาทแข็งค่า
- ภาษาที่เขียน: ภาษาเกาหลี
- •
-
ประเทศอ้างอิง: ประเทศญี่ปุ่น
- •
- อื่นๆ
เลือกภาษา
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น ซูซูกิ ประกาศเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาว่าจะยุติการผลิตรถยนต์ 4 ล้อในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2568 และจะปิดโรงงานในจังหวัดระยอง โรงงานแห่งนี้ได้ผลิต รถยนต์หลายรุ่น เช่น สวิฟท์ เซียซ และเซเลริโอ ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอเมริกากลางและใต้ รวมถึงจำหน่ายในประเทศไทยด้วย สาเหตุหลักมาจากความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่ลดลงและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สินค้าส่งออกขาดความคุ้มค่า ทางด้านการขายและบริการหลังการขายในประเทศไทยจะยังคงดำเนินการต่อไป ในอนาคต ซูซูกิจะจัดหาชิ้นส่วนจากประเทศญี่ปุ่น อินเดีย และปากีสถาน มาผลิตและส่งไปยังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ที่ส่งออกอยู่เดิม
ซูซูกิประเทศไทยเริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 และมีปริมาณการผลิตสูงสุดในปี 2559 แต่ในปี 2566 ลดลงเหลือ 7,579 คัน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 87% ของปริมาณการผลิตสูงสุด ส่วนยอดขายลดลงประมาณ 73% จากยอดขายสูงสุดในปี 2556 เหลือ 10,807 คัน และปริมาณการส่งออกลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 1,272 คัน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 97% ของยอดส่งออกสูงสุดในปี 2558 ซูซูกิจะช่วยเหลือพนักงานบางส่วนในการหางานใหม่หลังจากปิดโรงงาน และสนับสนุนการย้ายไปทำงานในโรงงานผลิตจักรยานยนต์และเครื่องยนต์เรือหางยาวที่จังหวัดปทุมธานี
ล่าสุดค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2540 โดยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 1 บาทไทยเทียบเท่ากับ 4.18 เยน และเงินวอนเกาหลีใต้ก็แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีเช่นกัน การแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียเกิดจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยในภูมิภาค ซึ่งมีความเห็นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย การปิดโรงงานในประเทศไทยของซูซูกิ คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตและยอดขายลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องจับตามองว่าซูซูกิจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านี้และฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันได้หรือไม่